วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

O^ ^O suduku

Version Easy

Version Midium

Version Hard
Version Evil














การออกแบบ use case



Use Case คือ กรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในระบบที่เกิดจาก Actor หรือเป็นฟังก์ชันการทำงานของระบบซึ่ง Actorเป็นผู้กระทำให้เกิดขึ้น

อาจกล่าวได้ว่า Use Case คือ ความสามารถหรือหน้าที่การทำงานของระบบ โดยที่แต่ละ Use Case แทนชุดของ transactions ที่ระบบทำงานโต้ตอบกับผู้ใช้งาน หรือระบบอื่นๆ ภายนอก

Use Case จะอธิบายทุกๆกรณีที่สามารถเกิดขึ้นได้
Scenario เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ของ Use Case ซึ่งอาจไม่ได้เกิดขึ้นทุกกรณีที่ระบุใน Use Case

ถ้าเปรียบเทียบ Object เป็น instance ของ Class
Scenario เป็น instance ของ Use Case



วงจรชีวิตของข้อมูล (Data life cycle Process)เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่จะบริหารข้อมูลให้ดียิ่งขึ้นมันก็จำเป็นที่จะต้องดูการไหลเวียนของข้อมูลในองค์กรว่าไปที่ไหนและอย่างไร ธุรกิจไม่ได้ดำเนินงานโดยใช้ข้อมูลดิบ (Raw Data) แต่จะ*ดำเนินงานอยู่บนข้อมูลที่ถูกประมวลผลมาเป็นสารสนเทศ (Information) และองค์ความรู้ (Knowledge)

แหล่งข้อมูล (Data Sources) วงจรชีวิตของข้อมูลเริ่มจากการได้รับข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูลสามารถแบ่งออกเป็น แหล่งข้อมูลภายใน ข้อมูลส่วนบุคคล และแหล่งข้อมูลภายนอก สามารถแบ่งได้ คือ

แหล่งข้อมูลภายใน (Internal Data Sources) ข้อมูลภายในองค์กรมักจะเกี่ยวกับคน สินค้า บริการ ซึ่งจะพบในที่หนึ่งที่ใดหรือ หลาย ๆ ที่ เช่นข้อมูลเกี่ยวกับ ลูกจ้างและค่าแรง

ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ผู้ใช้งานหรือพนักงานของบริษัททั่ว ๆ ไปอาจจะทำเอกสารของตนเองตามหน้าที่ และความเชี่ยวชาญที่ตนมีโดยจัดเก็บเป็นข้อมูลส่วนตัว

แหล่งข้อมูลภายนอก (External Data Sources) แหล่งข้อมูลภายนอกมีมากมายมหาศาลจึงมักไม่มีความสัมพันธ์กับระบบงานใดเป็นการเฉพาะ

ออกแบบระบบบริหารจัดการโรงภาพยนต์และจองตั๋วออนไลน์


ออกแบบระบบบริหารจัดการโรงภาพยนต์และจองตั๋วออนไลน์
ลักษณะของโครงงาน
โครงงานจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1. Windows Application : เป็นส่วนที่แสดงการบริหารงานของโรงภาพยนตร์ เช่น การซื้อ-ขายตั๋วภาพยนตร์ การบันทึกข้อมูลของลูกค้า พนักงาน และข้อมูลภาพยนตร์ การออกรายงาน
2. Web Base Application : เป็นส่วนที่ใช้ติดต่อกับลูกค้า โดยที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลของภาพยนตร์ พร้อมทั้งจองตั๋วล่วงหน้าได้

System Architecture Design


System Architecture Design
เป็นการออกแบบโครงสร้างตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยลักษณะของงานจะเป็นการส่งผ่านข้อมูลผ่านทาง Admin และผ่านทางหน้า Web

ระบบจะถูกออกแบบให้อยู่ในพื้นฐานของระบบ Client/Server โดยฝั่ง Client จะมีผู้ใช้เป็นทั้ง User และ Admin โดยใช้ Web Application เป็นตัวดำเนินการทำงานและใช้ Server เป็นตัวประมวลผลและจัดการกับฐานข้อมูลต่างๆของระบบ สิ่งที่แสดงอยู่ในสถาปัตยกรรม ด้านของ Client คือ เครื่องของผู้ใช้งานทั่วไป (User) และ (Admin) ที่ไปขอใช้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งจาก Server โดยการส่งค่า Request ไปยัง Server ด้านของ Server คือ เครื่องที่ทำหน้าที่ในการให้บริการแก่ Client โดยการรับ ค่าRequest จาก Client มาประมวลผล แล้วทำการส่ง Response กลับไปยัง Client สิ่งที่แสดงอยู่ในสถาปัตยกรรม
1. ด้านของ Client คือ เครื่องของผู้ใช้ทั่วไป (User) และ (Admin) ที่ไปขอใช้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งจาก Server โดยการส่งค่า Request ไปยัง Server
2. ด้านของ Server คือ เครื่องที่ทำหน้าที่ในการให้บริการแก่ Client โดยการรับ ค่าRequest จาก Client มาประมวลผล แล้วทำการส่ง Response กลับไปยัง Client
3. ระบบ ได้แบ่งระบบของผู้ใช้งานแยกเป็น 2 อย่างคือ User และ Admin ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
Form ของผู้ใช้ทั่วไป (User) ใช้ Login เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนในการเข้าใช้ระบบ
Form ของผู้ดูแลระบบ (Admin) ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของ User โดยการ Login มีไว้ตรวจสอบยืนยันตัวตนของ Adminในการเข้าใช้ระบบ
4. PHP ใช้เป็นส่วนในการสร้าง Web Application ขึ้นมาเพื่อใช้งานในส่วนของ UserและAdmin และยังใช้ในการเข้าถึงฐานข้อมูล MySQL อีกด้วย
5. Web Server ใช้ Apache Web Server ในทำงานบนฝั่ง Server ทำหน้าที่ในการรับคำสั่งจากการร้องขอของฝั่ง Client (โดยผ่านทาง Browser) และประมวลผลการทำงานจากการร้องขอดังกล่าว แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังเครื่องของ Client ที่ร้องขอ
6. Function ใน Server มีดังต่อไปนี้
- Check User and Password ใช้ในการเช็ค Username และ Password เพื่อใช้ตรวจสอบในขั้นตอนการ Login
- Logout เอาไว้ออกจากระบบ เมื่องานเสร็จเพื่อนความปลอดภัยของข้อมูล
7. MySQL ใช้เป็นตัวเก็บฐานข้อมูลของระบบ มี 3 Table มีดังนี้
- Login of User
- Login of Admin
8. Printer ให้ ใช้ในการพิมพ์ข้อมูลออกมาดูหรือเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ระบบนี้ใช้การออกแบบในลักษณะของ Client/Server System เป็นการเรียกใช้งานที่เครื่องลูกโดยมีการแสดงผลออกมาเป็น web page ข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บที่เครื่อง Server

ในการพัฒนาระบบนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการวิเคราะห์และออกแบบ ในส่วนของโปรแกรม และฐานข้อมูล เนื่องจากการทำงานที่มีการวางแผนก่อนลงมือปฏิบัติงานนั้น จะช่วยทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะว่าหากมีปัญหาเกิดขึ้นสามารถทำการแก้ไขได้โดยง่าย ตรงจุด อีกทั้งการทำงานแบบเป็นระบบจะช่วย ทำให้สามารถบอกถึงกำหนดเวลาที่ค่อนข้างแน่นอน ของการพัฒนาโปรแกรมได้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากในการพัฒนาโปรแกรมในปัจจุบันในส่วนของการวิเคราะห์และออกแบบระบบนี้ ใช้การวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรมแบบเชิงวัตถุ (OOA) โดยประกอบไปด้วย Use Case Diagram , Class Diaram และ ER Diagram พร้อมทั้ง ได้จัดทำสถาปัตยกรรมโครงสร้างของระบบที่แสดงการทำงานไว้ด้วย

Class Diagram

Class Diagram คืออะไร และแสดงให้เห็นโครงสร้างด้านใดของระบบบ้าง

Class Diagram คือ แผนภาพที่ใช้แสดง Class และ ความสัมพันธ์ระหว่าง Class ของระบบที่สนใจ (Problem Domain) เช่น ในระบบจัดซื้อ Class ที่เกี่ยวข้องคือ ผู้ผลิต, พนักงานจัดซื้อ, ใบสั่งซื้อ, ใบเสนอราคา, ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากกิจกรรม ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงโครงสร้าง (Attribute) คือข้อมูล (Data) หรือ ตัวแปร ( Variable) หน้าที่การทำงาน (Operation) คือ เมธอด (method) ภายใน class และความสัมพันธ์ระหว่าง class ต่างๆ ภายในระบบนอกจากนี้แสดงให้เห็นถึง class ทั้งหมดแล้วยังแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง class ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบ specialization , Association และอื่นๆ รวมถึงแสดงจำนวนสมาชิกของ object ดังรูป
สรุป การใช้งาน Class Diagram ในการออกแบบ
o ใช้อธิบายStructure ของระบบ
o ใช้ในขั้นตอนการวิเคราะห์ระบบ Software Engineerใช้ Class Diagramเพื่อนำเสนอความรู้ใน
Domain ที่เกี่ยวกับ Applicationที่กำลังสร้าง( Knowledge of application domain)
o Classesรวม Objectsที่ใช้ในUse cases
o สามารถใช้ Class Diagram ติดต่อกับผู้ว่าจ้างเพื่อตรวจความเข้าใจโครงสร้างของระบบก่อนการสร้างได้

ธุรกิจ กับ ระบบสารสนเทศ

- ยกตัวอย่างระบบจริงๆมา 3 ระบบ และอธิบาย
1. ระบบงานธนาคาร Citibank and ATMs จากการที่เป็นรายแรกที่ติดตั้งตู้ ATMs ซิตี้แบงค์และธนาคารใหญ่ๆอีกหลายแห่งเกิดความได้เปรียบทางกลยุทธ์เหนือคู่แข่ง ATMs ดึงดูดใจลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่นๆ จากการตัดต้นทุนที่เกี่ยวกับการให้บริการและเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการนั่นเอง ATM ยังเป็นตัวอย่างของการทำให้เกิดความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ นับตั้งแต่ธนาคารให้บริการในรูปแบบใหม่ๆขึ้นมา ATM กระตุ้นให้ต้นทุนของการแข่งขันเพิ่มขึ้น ซึ่งผลักดันให้ธนาคารขนาดเล็กที่ไม่มีทุนในการลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้มารวมกับธนาคารขนาดใหญ่กว่า ATM เป็นตัวแทนของรูปแบบการให้บริการทางธนาคารแบบใหม่ ที่น่าสนใจและสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ดังนั้น เทคโนโลยีระบบสารสนเทศได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนากลยุทธ์กระบวนการการให้บริการแก่ธนาคาร

2. ระบบงานบริษัท Chrysler ได้จัดการปรับปรุงกระบวนการพัฒนายานพาหนะให้ไปสู่กลุ่มทำงานแบบผสมผสานแนวนโยบาย (Multidisciplinary Platform Teams) โดยเชื่อมโยงติดต่อกันโดย CATIA Pipeline ซึ่งเป็นเครือข่ายสื่อสารระยะไกลที่เชื่อมโยงแทบจะทุกส่วนธุรกิจของบริษัท เข้ากับส่วนอื่นๆ รวมทั้งผู้จัดหาสินค้า และคู่สัญญาจากภายนอก ซอฟต์แวร์หลักที่ขับเคลื่อนข้อมูลผ่านทางเครือข่ายและจัดการฐานข้อมูล คือ CATIA (Computer-Aided Three-Dimensional Interactive Application) ซึ่งเป็นระบบสุดยอดที่รวมเอาการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ การพัฒนา การประดิษฐ์ทางวิศวกรรม และการผลิต จาก Dassault Systems ของประเทศฝรั่งเศส ข้อมูลการผลิตจะถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วจากทุกทิศทุกทาง เชื่อมโยงผู้จัดการ ผู้ออกแบบ วิศวกร ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบริการทางเทคนิค ผู้จัดหาสินค้า และฝ่ายผลิตเข้าด้วยกัน

3. ระบบงานของโรงพยาบาลใช้ซอฟต์แวร์ Hospital 2000 คือ ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ซึ่งครอบคลุมระบบงานของโรงพยาบาลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลผู้ป่วย แพทย์ ระบบการเก็บเงิน ระบบบัญชี ระบบรังสีวิทยา ระบบข้อมูลปฏิบัติการ ระบบงานเภสัชกรรม ระบบลงทะเบียน ระบบรับ-ส่ง-ย้ายผู้ป่วย ใน ระบบคลินิก ระบบวอร์ด รวมทั้งระบบส่วนสำนักงาน ได้แก่ การจัดการ จัดซื้อ บัญชี การบริหารทรัพยากรบุคคล โดยระบบย่อยต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกรวมเอาไว้ในระบบใหญ่เพียงระบบเดียว บนฐานข้อมูลเดียว และยังสามารถรองรับกับทุกภาษาในโลก ใช้ปฎิทินได้ทั้งในแบบคริสต์ศักราชและพุทธศักราช โดยได้ทำการติดตั้งครั้งแรกให้แก่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2542 เป็นต้นมา Hospital 2000 ทำงานบนแพลตฟอร์ม Microsoft Window 2000 , Microsoft SQL Server และ Windows NT โดยใช้เทคโนโลยีคลัสเตอร์ใน Windows 2000 เข้ามามีส่วนในการเพิ่มศักยภาพ และความน่าเชื่อถือให้กับระบบมากยิ่งขึ้น

- ระบบสารสนเทศ สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร
เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจัยขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในช่วงทศวรรษ 1990 บริษัทต่าง ๆ จำนวนมากได้ทุ่มเงินลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ (New Information Technology: NIT) โดยมุ่งลงทุนในด้าน เว็บไซต์ โปรแกรมประยุกต์ที่ทันสมัย อุปกรณ์ช่วยในการประชุมทางไกล เครือข่ายสื่อสารไร้สาย ฯลฯ การลงทุน ดังกล่าว ได้ช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันที่ทัดเทียมคู่แข่งของบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน เราพบว่าบริษัทต่าง ๆ จำนวนมาก มีความจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในเทคโนโลยีที่จะลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ ในวิถีทางที่สอดคล้องที่สุดต่อธุรกิจของบริษัท และวัตถุประสงค์ทางกลยุทธ์ รวมถึงการดำเนินงานทางการขายและการตลาดต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน

บริษัทหรือผลิตภัณฑ์ลักษณะใดที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่เหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่ามีการจำหน่ายตั๋วหรือจองที่นั่งในเที่ยวบินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ ในขณะที่การขายรถยนต์และสินค้าแฟชั่น ยังไม่สามารถทำได้ในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้แล้ว บางครั้ง ตัวอย่างเช่น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ จะสามารถตัดขั้นตอนการมีคนกลางในระบบธุรกิจ เช่น บริษัทตัวแทนในการกระจายสินค้า ออกไปจากการดำเนินธุรกิจ (เราเรียกกรณีดังกล่าวว่า Classic Disintermediation) หรือ แทนที่จะตัดคนกลางออกไป ก็อาจเลือกแนวทางรวบรวมบริษัทคนกลางเหล่านั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ (เรียกว่า Remediation) หรืออาจสร้างพันธมิตรและหุ้นส่วนทางกลยุทธ์กับบริษัทใหม่หรือบริษัทที่ดำเนินงานอยู่ เพื่อจัดการกับความสัมพันธ์ใหม่ที่เกิดขึ้นและมีความซับซ้อน (เรียกว่า Network-Based Mediation)
กลยุทธ์การรวมตัวในรูปแบบต่าง ๆ เหล่านี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสามารถในการปรับแต่งได้ของผลิตภัณฑ์ (Product’s Customizability) และลักษณะของข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง โดยการศึกษาทำความเข้าใจต่อปัจจัยขับเคลื่อนต่าง ๆ ของเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ บริษัทต่าง ๆ จะสามารถเริ่มต้นคาดหมายการปรับเปลี่ยนที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ในอุตสาหกรรมของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแง่มุมด้านแนวทางการทำการตลาดและการขาย ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องพัฒนากรอบความคิดที่เป็นระบบที่จะระบุปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์ที่แตกต่างกันตามที่กล่าว ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ 1. Classic Disintermediation 2. Remediation และ 3. Network-Based Mediation โดยการใช้แนวคิดนี้ บริษัทต่าง ๆ สามารถกำหนดแนวทางที่เหมาะสมกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจและการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ ซึ่งจำเป็นต่อความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมปัจจัยขับเคลื่อนเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่


สรุปการนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้เพื่อทำให้เกิดกลยุทธ์ทางการ
1. กลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านราคาช่วยในการลดต้นทุนการจัดซื้อ การผลิต
2. กลยุทธ์ด้านความแตกต่าง ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มสูงขึ้นลงทุนทาง IT เพื่อเป็นเหมือนกำแพงกั้นไม่ให้คนภายนอกวงการอุตสาหกรรมของตนเข้ามาเป็นคู่แข่ง
3. กลยุทธ์ด้านนวัตกรรม สามารถทำให้ธุรกิจเป็นเป็นผู้นำในตลาด ใช้ IT เป็นส่วนประกอบที่ทำให้สินค้าของบริษัทคู่แข่งที่จะเข้ามาแทนที่ในตลาดนั้น หมดความน่าสนใจ
4. กลยุทธ์ความเจริญเติบโต เป็นผู้นำในตลาด
5. กลยุทธ์ด้านพันธมิตร ลดต้นทุนด้านคลังสินค้า / เพิ่มการขาย ทำให้เกิดการค้าขายได้ทันทวงที ใช้ระบบสารสนเทศระหว่างองค์กรเพื่อสร้างกลไกราคาที่จะควบคุมลูกค้าและผู้จัดหาสินค้า


- ระบบสารสนเทศชนิดใดที่ควรพัฒนาขั้นมาใช้งานก่อนเป็นลำดับแรก (ในกรณีองค์ยังไม่ระบบสารสนเทศใดเลย)
ในการที่จะพัฒนาระบบสารสนเทศขึ้นมาเพื่อทำให้ได้ผลตอบแทนที่เร็วที่สุดและคุ้มค่าแก่การลงเราควรจะเลือกระบบสารสนเทศที่ช่วยส่งเสริมให้องค์กรขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ เช่น ต้องการพัฒนาระบบสารสนเทศให้แก่ฝ่ายขายเพื่อให้ผลตอบแทนเร็วที่สุดและใช้เวลาในน้อยที่สุด

- ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาระบบสารสนเทศและบริษัทที่จำหน่าย ERP ในปัจจุบันมีบริษัทใดบ้าง
บริษัท คอมพ์ ดีเวลลปเอร์ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาและจำหน่ายโปรแกรมระบบบัญชี CD-ORGANIZED 2003-2008 Mfatix Company Limited. เป็นบริษัทที่จำหน่ายระบบ ERP
Almacom(Thailland) Ltd.เป็นบริษัทที่จำหน่ายระบบ ERP

Standard of Video Coding

MPEG (Moving Picture Expert Group) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนามาตรฐานภาพเคลื่อนไหวและเสียงในระบบดิจิตอล ซึ่งถือกำเนิดอย่างเป็นทางการในช่วงปี 93
ITU-T (The ITU Telecommunication Standardization Sector) เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ออกมาตรฐานทางโทรคมนาคม ของ ITU (International Telecom Union)

ปัจจุบันมีมาตรฐาน 3 แบบที่นำหลักการของ DCT
- JPEG (Joint Photographic Experts Group)
- H.261 (Video Codec For Audiovisual Services)
- MPEG (Motion Picture Experts Group)

แนวคิดพื้นฐาน Video Codng (ต่อ)


JPEG (Joint Photographic Experts Group) คือภาพนิ่งที่มีความต่อเนื่องของสี ที่นำมาเรียงต่อกัน เรียกว่า "Image Sequence"


Hadamard Transform อาศัยหลักการ 2 อย่างคือ

Transform การนำจุดภาพที่เป็นข้อมูลดิบมาจัดการโดยไม่ผ่านการจัดระเบียบมาก่อน จากเดิมแต่ละจุดภาพจะเป็นตัวแทนของใครของมัน จะกลายเป็นตัวแทนรวมของแต่ละบล็อกซึ่งมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งการ Transform ไม่ได้ทำให้ข้อมูลและคุณภาพลดลง

Quantization คือกรรมวิธีในการลดจำนวนบิต ที่ใช้ในการเก็บ สัมประสิทธิ์จาก Transform โดยการลดความละเอียดของค่าเหล่านั้นลงมา โดยการแทนค่าตัวแปลของสัญญาณต่างๆ ด้วยสมการทาง
คณิตศาสตร์เพื่อลดจำนวนข้อมูลที่ซ้ำ ๆ กันของภาพหรือเฟรมต่อๆ จะะใช้ matrix ในการทำ quantization


Wavelet-Based Compression
อาศัยหลักการของ EZW โดยค่าสัมประสิทธิ์ที่สำคัญจะอยู่ใน subband ที่ต่ำ และ ค่าสัมประสิทธิ์ที่มีค่ามากจะเป็นค่าที่มีความสำคัญกว่าค่าสัมประสิทธิ์ที่มีค่าน้อย

Discrete Cosine Transform (DCT) เป็นเทคนิคการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับการประมวลผลภาพ (Image Processing) แบบ Lossy ใช้ประยุกต์กับงานด้านการลดข้อมูลภาพที่เป็นข้อมูลดิจิตอล จึงนำตาราง DCT แบบสองมิติมาจัดรูปภาพ หรือส่วนของรูปภาพที่เป็น Block ขนาด 8x8 สำหรับการบีบอัด Video หลักการคือการทำให้ตัวแทนบล็อกให้มีขนาดเล็กลง ส่วนประกอบของ DCT ที่จุด (0,0) จะแทน DC (Direct Current) ส่วนที่เหลือ AC (Alternate Current)


Discrete Cosine Transform (DCT) อาศัยหลักการเข้ารหัสเอนโทรปี (Entropy Encoding) การเข้ารหัสเอนโทรปีสำหรับงานบีบอัด Video มีสองขั้นตอนคือ
- Zigzag Scan
- Zero Run-Length Coding (RLC)
- Huffman Coding


แนวคิดความพื้นฐาน Video Coding


ในการบีบอัดวีดีโอ เราจะลดความซ้ำซ้อน (Redundancy) ของ 3 ส่วนคือ
! Color Transform เนื่องจากความสามารถในการรับรู้สีของระบบประสาทการมองเห็นของมนุษย์มีน้อยกว่าความ สามารถในการรับรู้แสง
! Spatial Transform(ความซ้ำซ้อนทางพื้นที่) เนื่องจากภาพที่มีจุดภาพ (pixels) ที่เหมือนหรือคล้ายกันอยู่ แม้ไม่มีจุดภาพเหล่านี้ก็ไม่ทำให้ผู้ชมสังเกตเห็นการขาดหายได้โดยง่าย การลดความซ้ำซ้อนทางพื้นที่ ใช้วิธีการบีบอัดภาพนิ่ง เช่น DCT Wavelet
! Temporal Transform (ความซ้ำซ้อนทางเวลา) เนื่องจากเฟรมที่อยู่ใกล้กัน จะมีจุดภาพบนเฟรมที่ซ้ำกันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยใช้ MC/ME (Motion Compensation/Motion Estimation) เข้ามาช่วย


Video ประกอบด้วย ภาพ + เสียง

Image Sequence หมายถึง ภาพนิ่งที่นำมาเรียงต่อกัน หลายๆภาพ ทำให้เกิดเป็น "image seqence"